การSeedingสินค้า” ถือเป็นหัวใจสำคัญของการขายของ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการขายของออฟไลน์ หรือการขายของออนไลน์ การSeedingสินค้าก็จะช่วยให้ร้านค้ามีโอกาสขายของได้มากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้ลูกค้าเข้าใจสินค้ามากขึ้นการSeedingสินค้าที่ดี จะทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากได้สินค้ามากขึ้น และมีความเชื่อถือในสินค้าของร้านได้มากขึ้น ทั้งนี้ การSeedingสินค้าสามารถทำได้ทั้งในแบบที่ “เจ้าของร้านSeedingเอง” และ “ให้บุคลที่ 3 หรือลูกค้าSeedingให้” ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้ว เราจำเป็นต้องมีทั้ง 2 ประเภท โดยรูปแบบของการSeedingนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ 3 รูปแบบ ดังนี้
- Seedingด้วยการเขียนบรรยาย
ถือเป็นการSeedingที่ใครๆ ก็ทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องกังวลว่า จะเขียนดีไหม จะเขียนแล้วมีคนอ่านหรือไม่ หลักของการเขียนSeedingนั้น อาศัยความจริงใจเป็นสำคัญ คือ เรารู้สึกต่อสินค้าอย่างไร ก็ให้เขียนบรรยายลงไปแบบนั้น อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็ว่าไป อาจเลี่ยงไปก็ได้ แต่การเขียนแต่สิ่งดีๆ อย่างเดียวก็อาจจะทำให้คนอ่านรู้สึกไม่สมจริง และทำให้ความน่าเชื่อถือน้อยลง
ทั้งนี้ สำหรับเจ้าของร้านนั้น การเขียนSeedingก็อาจหมายถึงการอธิบายวิธีการใช้ สรรพคุณ ของสินค้าเพื่อให้ลูกค้าที่ยังไม่เคยใช้สินค้าเข้าใจในตัวสินค้ามากขึ้น ส่วนสำหรับการให้ลูกค้าเขียน หรือสอบถามความรู้สึกของลูกค้าที่เคยใช้สินค้านั้น ก็จะช่วยให้ลูกค้าที่ไม่เคยใช้รู้สึกเชื่อถือในสินค้ามากขึ้น เพราะจะรู้สึกว่ามีคนเคยใช้สินค้าแล้ว ทำให้เกิดความกล้าใช้มากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ดี การเขียนหากมีรูปประกอบด้วย ก็จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าให้อยู่กับบทความได้นานขึ้น - Seedingด้วยรูป
นับเป็นวิธีการSeedingที่ง่ายที่สุด แบบนี้จะไม่เน้นการเขียนอะไรมากเลยก็ได้ แต่เน้นถ่ายรูปรัวๆ ล้วนๆ ที่ละชอต ทีละมุม ให้ทั่วสินค้า ไล่ไปตั้งแต่แพ็คเกจจิ้ง จนกระทั่งตัวสินค้า วิธีการใช้ ซึ่งยิ่งเราถ่ายรูปสวยมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้การSeedingนั้นน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้การSeedingด้วยภาพที่ไม่เน้นการเขียนบรรยาย หลายคนอาจจะรู้สึกว่าแล้วคนอ่านจะเข้าใจหรือ? ขอให้นึกถึง Instagram ที่แม้คำอธิบายจะน้อย แต่ก็สามารถดึงดูผู้คนให้สนใจด้วยรูปได้นั่นเอง - Seedingด้วยวีดีโอ
จัดว่าเป็นวิธีการSeedingที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะเสพง่าย ไม่ต้องอ่าน แต่ใช้การฟัง การชมด้วยตา มีความเคลื่อนไหว มีเสียง และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงที่ชัดเจนที่สุดของสินค้า กล่าวคือ ถ้าเป็นแค่ภาพอย่างเดียว เราคงไม่สามารถรู้ได้ถึงความนิ่มของเนื้อผ้าได้ แต่ถ้าเป็นการSeedingด้วยวีดีโอนั้น เราสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นได้ว่าผ้านิ่มแค่ไหน ยืดเพียงใด สีไม่ตกเมื่อโดนน้ำ เป็นต้น
ซึ่งก็จะทำให้เกิดความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือมากขึ้น ทั้งนี้ หลายคนอาจมองว่าการSeedingด้วยวีดีโอนั้นยาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพียงแค่เรามีความกล้า และรู้จักสินค้าของตัวเองดี เจ้าของร้านอย่างเราก็สามารถSeedingได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ทั้งนี้ ในมุมของการSeedingด้วยวีดีโอ ที่เจ้าของร้านเป็นคนSeedingเอง ขอให้คิดไว้เสมอว่า เราทำเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสกับสินค้าของเราให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการอวยตัวเอง แต่มันคือสิ่งที่เราควรทำเพื่อให้ข้อมูลให้ความมั่นใจกับลูกค้า
การเขียน ใช้ภาพถ่าย ใช้วีดีโอ ทั้ง 3 รูปแบบนี้ เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้รวมกันได้ เพื่อให้การSeedingของเรามีน้ำหนัก และมีมุมมองที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความถนัดของเราด้วยว่า จะใช้รูปแบบไหนในการนำเสนอสินค้าของเราออกไปสู่สายตาสาธารณชน อย่างไรก็ดี
ถ้าการไปจ้างดาราหรือคนอื่นSeedingนั้นทำให้เราต้องเสียต้นทุนเป็นเงินจำนวนมาก การลองทำดูเอง เขียนเอง ถ่ายรูปเอง ถ่ายวีดีโอเอง ก็เป็นสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าควรพยายามเรียนรู้เอาไว้ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างทรงพลัง และนำมาซึ่งโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นได้นั่นเอง